หลายๆคนคงเคยได้ยินคำคมที่ว่า “ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน” หรือ “Everything is temporary” หมอกก็เช่นกันครับ เพราะในวันๆนึง หมอกจะออกมาให้เห็นแค่ไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่นาที และจางหายไป
ทุกคนต้องคาดไม่ถึงแน่ๆว่า การถ่ายหมอกนี้ ก็สามารถเก็บภาพที่น่าทึ่งได้เช่นกันครับ โดยปกติการถ่ายภาพแนว Lanscape ก็ตระการตาอยู่แล้ว แต่เมื่อมีหมอกเข้ามาในเฟรมภาพด้วย ก็สามารถเพิ่มและดึง mood ออกมาจากภาพได้ง่ายมากๆเลยครับ วันนี้เราเลยชวนทุกคนมาถ่ายหมอกกัน
ก่อนถ่ายต้องเช็กหลายอย่างเลยครับ เริ่มจากสภาพอากาศและแสง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย แต่เมื่อไหร่ที่มีหมอกเข้ามาก็จะทำให้แสงนั้นกลายเป็ยแสงนุ่มไปในทันที เหมาะกับการเก็บภาพแน่นอน เพราะฉะนั้นเราต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ครับ
และด้วยความที่เราจะเก็บภาพหมอกให้อยู่ในเฟรมภาพ Landscape ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าถ่ายหมอกยังไงไม่ให้นก!
Cr. Rikki Chan
Cr. Matt Boyle
ไปกี่โมงดี?
โดยปกติแล้วหมอกจะเกิดตอนใกล้เช้าตรู่หรือประมาณตี 4 ไปจนถึงตอนเช้า หรือบางทีอาจจะเกิดยาวถึงตอนสายๆเลย และจะค่อยๆจางหายไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เพราะฉะนั้นช่วงเช้าตรู่จึงเป็นนาทีทองสำหรับการถ่ายหมอก ตั้งนาฬิกาปลุกให้พร้อม! แล้วตื่นไปถ่ายหมอกกันครับ
Cr. koka_sexton
Cr. Agence Producteurs Locaux Damien Kühn
จะหาหมอกได้ที่ไหน?
ตามที่ทุกคนได้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก หมอกจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่อากาศร้อนปะทะกับอากาศหนาว โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นบนผืนน้ำ ตามภูเขาสูง ตามหมู่บ้านในต่างจังหวัด หรือบนยอดดอยต่างๆ ซึ่งสามารถเห็นเป็นทะเลหมอกได้เลยครับ ดังนั้นต้องใช้เวลาในการหาโลเกชั่นแบบนี้ซักหน่อย แต่บอกเลยว่าภาพที่ได้ คุ้มค่าแน่นอนครับ
Cr. Viktor Juric
Cr. David Law
อุปกรณ์กล้อง
- ฟิลเตอร์ PL
หรือ Polarizing filter เพราะหมอกก็มีบางเวลาที่สะท้อนแสงแดดมาเหมือนกัน ฟิลเตอร์ PL จะช่วยในเรื่องการตัดแสงสะท้อนของผิววัตถุที่ไม่ใช่โลหะทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น น้ำ กระจก ใบไม้ หรือท้องฟ้า และนอกเหนือจากการถ่ายหมอกแล้ว ฟิลเตอร์ตัวนี้ยังช่วยทำให้ท้องฟ้าสีสดขึ้นกว่าเดิมด้วยครับ แต่ต้องตั้งกล้องทำมุม 90 องศากับท้องฟ้า - เลนส์
เรื่องเลนส์นี้ ใครที่อยากได้ภาพท่ามกลางหมอกหนาๆ ก็แนะนำให้ใช้เลนส์ฟิกส์หรือเลนส์ที่มีระยะใกล้เคียงกัน ส่วนใครที่ชอบถ่ายแนว landscape ได้ขึ้นไปบนยอดดอยหรือบนตึกสูง อยากถ่ายทะเลหมอก ก็ต้องแนะนำให้เป็นเลนส์มุมกว้างนะ เพื่อการเก็บรายละเอียดให้ครบ - ขาตั้งกล้อง
เพราะถ่ายหมอกตอนเช้า จะไม่ค่อยมีแสง เราจึงต้องตั้งสปีดชัตเตอร์นานๆ ขาตั้งกล้องจึงเป็นตัวช่วย หรือคนที่อยากได้ภาพหมอกยืดๆ เป็นเส้นสาย ให้ตั้งสปีดชัตเตอร์นานๆ หน่อยครับ
*ต้องระวังเครื่องความชื้นของกล้องและอย่าลืมทำให้อุปกรณ์แห้งอยู่ตลอดเวลาด้วย
เซ็ทกล้องให้เหมาะ
เมื่อถึงเวลาถ่ายหมอกจริงๆ แสงจะน้อย โอกาสที่จะต้องถ่ายแบบ long exposure หรือเปิดชัตเตอร์สปีตนานๆมีเยอะครับ และต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วย เพราะหมอกเคลือนไหวอยู่ตลอดเวลา กล้องต้องนิ่งที่สุดตอนจับภาพแต่ละช็อต
พอถึงเวลา หมอกจะมีโอกาสสะท้อนแสงเข้าหาตัวกล้อง กล้องจะคำนวณว่ามีแสงมากไป อาจทำให้กล้องเราวัดแสงได้ไม่ตรงตามสถานการณ์จริง และถ่ายออกมาเป็นภาพที่อันเดอร์ จึงต้องตั้งค่าชดเชยแสงเพิ่มไปซัก +1 ถึง + 2 สต็อป
Cr. Dimitris Kamaras
จัดองค์ประกอบภาพให้คูล
เนื่องจากเป็นการถ่ายภาพหมอก การจัดองค์ประกอบภาพจึงต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะหมอกเป็นสิ่งที่ลอยอยู่ในอากาศ และมีทิศทางไม่แน่นอนเลย หรือพอถึงเวลา ก็จางหายไปเฉยๆ ถือเป็นเทคนิคที่ค่อนข้างท้าทายความสามารถและการเตรียมตัวของตัวเราเองเลยครับ นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว เรายังมี 5 สิ่งที่แนะนำให้นำมาใส่ในเฟรมภาพตอนจัดองค์ประกอบสำหรับถ่ายหมอกด้วย
1. รูปร่างและภาพเงา
ลองมองหาวัตถุหรือตัวแบบที่เป็นสีเข้ม หรือแบบ sihouettes ไปเลยก็ได้ นำเข้ามาอยู่ในเฟรมภาพด้วย จะช่วยให้สามารถบาลานซ์กับหมอกได้ครับ เพราะถ้าในโลเกชั่นที่เราเลือกจะถ่ายในตอนนั้นมีแต่หมอกลงหนาไปหมด ภาพที่เราได้จะมีแต่หมอกโล้นๆซึ่งขาดความน่าสนใจแน่นอนครับ ดังนั้นควรมีวัตถุหรือตัวแบบอย่างน้อย 1 ตัว เข้าไปอยู่ในเฟรมภาพด้วย อาจถ่ายย้อนแสงจากพระอาทิตย์ทำให้เป็นแสงผ่านไหล่มาก็ได้ หรือใครมีไอเดียเจ๋งๆก็จัดได้เลยครับ
Cr. John Gibbons
Cr. Ali Arif Soydaş
Cr. Teddy Kelley
รายละเอียด
หมอกเหล่านี้เหมือนเปิดโอกาสให้เราได้ถ่ายภาพแนว Minimal ไปเลย เนื่องจากถ้าในโลเกชั่นนั้นๆมีหมอกปกคลุมอยู่ทั่วพื้นที่ การโฟกัสไปที่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่อยู่ในเฟรมภาพจึงเป็นเรื่องง่ายมาก เนื่องจากพื้นหลังของภาพจะเบลอไปด้วยหมอกทั้งหมด การจัดองค์ประกอบภาพกลายเป็นเรื่องกล้วยๆไปเลย และยังเป็นการเอาเทคนิคเรื่องของพื้นที่ว่างเชิงลบมาใช้ด้วย ทำให้ภาพน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกครับ
Cr. Bill Benzon
Cr. JasonParis
Cr. Media Club
Cr. Timothy Kolczak
Cr. Andrew Neel
ลำแสง
โอกาสทองที่ดีงามที่สุดก็คือ ตอนที่แสงจากพระอาทิตย์ส่องผ่านเมฆลงมา ทำให้เป็นลำแสงผ่านหมอกอีกที ซึ่งสวยมากๆครับ ดึง mood ออกมาจากภาพได้ชัดเจนและง่ายมากๆ แนะนำให้ออกไปหาโลเกชั่นตั้งแต่เช้าเลย ยิ่งถ้าวันไหนมีฝนตกตอนกลางคืน แล้วหยุดตกตอนเช้ามืดนี่ โอกาสเกิดหมอกง่ายมาก พอถึงเวลาฟ้าเปิดตอนเช้า แสงพระอาทิตย์ก็จะส่องลงมาพอดี ช่างเป็นเวลาที่เหมาะจริงๆครับ
Cr. Ali Sabbagh
Cr. Matt Garbutt
Cr. Igor Spasic
Cr. Igor Spasic
ขึ้นไปเหนือหมอก
ถ้าใครมีโอกาสได้ขึ้นไปบนดอยสูงๆ ที่เลยเหมอกขึ้นไป แล้วจุดชมวิวมองเห็นเป็นทะเลหมอก เป็นโลเกชั่นที่พรีเมี่ยมมากๆ เพราะคุณจะเก็บภาพหมอกด้วยมุมมองที่กว้างไกล เห็นรายละเอียดได้มากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นตอนพระอาทิตย์กำลังขึ้นด้วย เป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำมากๆครับ หรือใครไม่ได้ออกไปต่างจังหวัด แต่ทำงานอยู่ตามตึกสูงๆในเมือง ในตอนเช้าๆมองลงมาที่ตัวเมือง ก็อาจได้เห็นหมอกจางๆ ที่ปกคลุมทั่วเมือง ก็สวยไปอีกแบบ และแน่นอนก็ต้องเห็นพระอาทิตย์ขึ้นส่องกระทบกับทะเลหมอกเบื้องล่าง ได้ภาพสวยจับใจแน่นอน
Cr. Hannah Montez
Cr. Ales Krivec
Cr. altotemi
Cr. uncle
ให้หมอกเป็นพระเอก
ถึงเวลาของตัวเอกของเรา หลายๆคนกลัวว่า เอาหมอกมาเป็นตัวหลักของภาพ จะทำให้ภาพดูไม่น่าสนใจ แต่ถ้าเราใช้วัตถุหรือตัวแบบที่น่าสนใจ และจัดองค์ประกอบซักหน่อย ก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ครับ อาจจะเคยเห็นกันมาแล้วบ้าง อย่างภาพหมอกหนาบนถนน หรือ สะพาน ก็จะให้ mood วังเวง น่าพิศวง เนื่องจากสะพานและถนนถูกตัดขาดเข้าไปในหมอก
Cr. Hải Minh
Cr. Joe Green
Cr. Alexandre Chambon
Cr. Anthony Aird
Cr. Vidar Nordli-Mathisen
Cr. Sander Weeteling
แสงสำคัญที่สุด!
แสง กับ การถ่ายหมอก เป็นเหมือนการแข่งขันกับตัวเองครับ เนื่องจากจะถ่ายหมอกได้ ส่วนใหญ่ต้องถ่ายเวลาเช้า นั่นแปลว่าหมอกจะอยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม ออกไปหาโลเกชั่นตั้งแต่เนิ่นๆ
จากที่เคยเห็นกันมาหมอกจะทำหน้าที่เหมือนผ้าม่าน ที่จะกรองแสง ทำให้แสงนุ่มขึ้น และแน่นอนว่าต้องแข่งกับเวลาอยู่ดี เพราะแสงจะลอดผ่านมาแค่ไม่กี่นาที ของดีมีแค่ชั่วครู่เท่านั้น ต้องวางแผนและคิดล่วงหน้ามาแล้ว ว่าจะถ่ายอะไรบ้าง และพยายามขยับ โยกย้ายตัวเอง เพื่อมุมที่ดีที่สุดตอนเก็บภาพนะ
Cr. Andrew Neel
Cr. Logan Tilley
Cr. Lucien Kolly
via contrastly.com