กลับมาอีกครั้งกับความรู้เรื่องกล้องสำหรับคนรักกล้อง ทุกคนคงจะเคยเลือกซื้อเลนส์กันสินะ แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าเลนส์ตัวไหนที่จะตอบโจทย์การถ่ายภาพของเรา ดังนั้นการอ่านรหัสอักษรบนเลนส์จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกเลนส์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ในครั้งนี้เราจะมาเอาใจบ้านพี่หมีสีส้มด้วยการสอนแกะรหัสอักษรบนตัวเลนส์ของค่าย Sony
เรามารู้จักเกรดของเลนส์กัน ซึ่งเกรดพวกนี้จะรวมไปถึงคุณภาพการใช้งานของเลนส์แต่ละเกรดด้วย โดยจะเรียงจากคุณภาพระดับเริ่มต้นไปยังคุณภาพระดับสูง ดังนี้ Sony > Sony G > Sony GM
เรามารู้จักเกรดของเลนส์กัน ซึ่งเกรดพวกนี้จะรวมไปถึงคุณภาพการใช้งานของเลนส์แต่ละเกรดด้วย โดยจะเรียงจากคุณภาพระดับเริ่มต้นไปยังคุณภาพระดับสูง ดังนี้ Sony > Sony G > Sony GM
ปัจจุบันกล้องแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ของ Sony ที่ยังผลิตอยู่ จะใช้เมาท์ที่ชื่อว่า E–Mount ในการติดตั้งเลนส์เข้ากับตัวกล้อง โดยชื่อขึ้นต้นของเลนส์จะใช้รหัสเริ่มต้นด้วย SEL
GM :
- ซีรี่ย์ G Master เลนส์เกรด Hi – end ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดดเด่นในเรื่องของความคมชัดและเที่ยงตรงของสีสัน เพราะมีการใช้ชิ้นเลนส์พิเศษช่วยแก้อาการคลาดสี คลาดทรงกลม และความผิดเพี้ยนจากการรวมแสง เนื่องจากมีชิ้นเลนส์พิเศษที่ถูกผลิตด้วยความแม่นยำสูง พร้อมด้วยระบบโฟกัสอัตโนมัติเร็วและแม่นยำ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ XD Linear ที่จะให้ทั้งความเงียบ แม่นยำ และฉับไวในทุกการโฟกัส รวมถึงมีรูรับแสงที่กว้างมาก และถ้าหากเป็นเลนส์ที่ซูมระยะได้จะมีค่ารูรับแสงคงที่ และใช้วัสดุคุณภาพสูงกว่าเลนส์เกรดอื่น ๆ ของ Sony เพราะมีการใช้โครงสร้างภายในชั้นนอกเป็นแมกนีเซียมอัลลอย และด้านในใช้ชิ้นส่วนที่มีส่วนผสมของคาร์บอนและไฟเบอร์กลาสเพื่อเสริมความแข็งแรง
G :
- ซีรี่ย์เลนส์คุณภาพสูงระดับรองของค่าย โดยจะมีคุณภาพเป็นรองเพียงเลนส์ GM หรือ G Master เท่านั้น เป็นซีรี่ย์ที่มีราคาคุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่ให้มา มีความคมชัดและการใช้งานอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม
Sony :
- ซีรี่ย์เลนส์สำหรับเริ่มต้น ซึ่งจะไม่มีเครื่องหมายซีรี่ย์อยู่บนตัวเลนส์ เป็นเกรดที่ใช้งานได้ปกติทั่วไป เหมาะสำหรับการลองใช้เลนส์ระยะต่าง ๆ ก่อนที่จะอัพเกรดไปซีรี่ย์ที่สูงขึ้น
รหัสเลนส์ตัวแรกคือ FE (Full-Frame E-Mount Lenses) เป็นรหัสที่แสดงว่าเลนส์ตัวนี้ใช้ได้กับกล้องที่มีเซ็นเซอร์ภาพขนาดฟูลเฟรม และ APS–C ได้โดยไม่มีปัญหา
รหัส E หมายถึงเลนส์ที่ใช้ในกล้องที่มีเซ็นเซอร์ภาพขนาด APS–C เท่านั้น แม้จะสามารถนำไปใส่ในกล้องที่มีเซ็นเซอร์ภาพขนาดฟูลเฟรมได้ แต่จะโดนครอปโดยอัตโนมัติ 1.5 เท่า ถัดมาจะเป็นระยะทางยาวโฟกัส (Focal Length) ตัวเลข 24-240mm เป็นช่วงระยะทางที่เลนส์สามารถถ่ายได้ตั้งแต่ระยะ 24mm ไปจนถึง 240mm ด้วยการปรับระยะผ่านการหมุนวงแหวน อีกประเภทหนึ่งคือเลนส์ที่มีระยะทางยาวโฟกัสที่ตายตัว เช่น 35mm ที่ไม่สามารถปรับระยะต่าง ๆ ได้จะเรียกว่า Prime Lens หรือที่ทุกคนเรียกติดปากว่า “เลนส์ฟิก” ข้อดีของเลนส์ประเภทนี้คือจะมีค่ารูรับแสงสว่างและคงที่ของการใช้งานมากกว่า เนื่องจากในตัวเลนส์ไม่มีกลไกการซูม
รูรับแสง (Aperture) เป็นตัวบอกว่าเลนส์ตัวนี้สามารถเปิดรูรับแสงได้กว้างสูงสุดที่ f เท่าไหร่ ในตัวอย่างนี้มีค่ารูรับแสงสูงสุดอยู่ที่ f3.5-6.3 ซึ่งเป็นเลนส์ที่รูรับแสงไม่คงที่ จะหมายความว่า เมื่อเราใช้ทางยาวโฟกัสที่ช่วง Wide สุด เลนส์จะสามารถเปิดค่ารูรับแสงได้กว้างสูงสุดที่ f3.5 แต่หากซูมระยะเลนส์ออกไปเรื่อย ๆ จนสุดกระบอก ค่ารูรับแสงกว้างสุดที่เลนส์สามารถเปิดได้จะถูกแปรผันไปตามระยะจนไปถึงระยะซูมที่เปลี่ยนไป โดยจะมีค่ารูรับแสงกว้างสุดที่เปิดได้เมื่อซูมระยะเลนส์สุดกระบอกที่ f6.3
รหัสอักษรต่าง ๆ ด้านท้ายของชื่อเลนส์
- PZ (หรือเลนส์ที่ใช้รหัส SELP) หมายถึง Power Zoom เป็นเลนส์ที่สามารถซูมได้นุ่นนวลด้วยมอเตอร์ เลนส์ที่มี Power Zoom จะมีวงล้อปรับการซูมเพิ่มอยู่บนตัวเลนส์ เหมาะสำหรับงานวิดีโอ
- Macro เป็นเลนส์ที่มีอัตราขยาย 1:1 พูดง่าย ๆ คือมันเป็นเลนส์ที่จะให้ขนาดของวัตถุเทียบเท่าของจริงนั่นเอง และโดยส่วนมากจะสามารถโฟกัสในระยะใกล้ได้มากกว่าเลนส์ปกติโดยที่ไม่สูญเสียความคมชัดของภาพ
- OSS หมายถึงเลนส์ตัวที่มีระบบกันสั่นในตัวเลนส์ ช่วยลดอาการเบลอของภาพที่เกิดจากอาการสั่นของกล้อง
- LE หรือ Light Edition เป็นเลนส์ที่มีน้ำหนักเบา และมีขนาดที่ลดลง เลขโรมัน มีไว้บอกว่าเลนส์รุ่นนั้นถูกพัฒนามาเป็น Generation ที่เท่าไหร่แล้ว
- ⌀ เครื่องหมายบอกเส้นผ่านศูนย์กลางหน้าเลนส์ ไว้สำหรับเลือกใช้ฝาปิดหน้าเลนส์ หรือฟิลเตอร์ต่าง ๆ ที่ใช้ได้กับขนาดหน้าเลนส์ตามตัวเลขที่เครื่องหมายระบุไว้
จบไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับเนื้อหาความรู้ใน Ep. นี้ ถ้าชอบบทความดี ๆ แบบนี้ก็ติดตาม BIG Camera ไว้ได้เลย Ep. หน้าจะเป็นรหัสเลนส์จากค่ายอะไร เกาะจอรออ่านกันได้เลย
