ฟังดูเหลือจะเชื่อเลยใช่ไหมครับ ถ้าจะบอกว่ากระเป๋ากล้อง Billingham ที่เราเห็นคนรักกล้อง Leica ใช้งานกันดุจเป็นของที่เกิดมาเพื่อเคียงคู่กันกับกล้องจุดแดงแห่ง Wetzlar โดยเฉพาะ มันจะมีที่มาที่ไปเริ่มต้นจากการเป็นกระเป๋าตกปลามาก่อน ใช่ครับก่อนที่จะกลายมาเป็น Rolls Royce แห่งกระเป๋ากล้อง Billingham เคยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นกระเป๋าของนักตกปลามาก่อน และวันนี้ BIG CAMERA จะพาไปดูเรื่องราวของกระเป๋ากล้อง Billingham ที่สร้างตำนานม้ารองบ่อนผู้พลิกเกมส์ทั้งกระดานด้วยความพิถีพิถันตั้งใจจริง ผ่านบันทึกการเดินทางที่ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษของกระเป๋าตกปลาที่เกิดมาเพื่อตากล้องโดยเฉพาะแบรนด์นี้ เพราะทุกตำนานในโลกแห่งการถ่ายภาพนี้มีเรื่องเล่า เราเลยอยากส่งต่อ
จุดเริ่มต้นความพิถีพิถันของ Billingham มีที่มาที่เรียบง่ายจนน่าตกใจ เพราะกระเป๋าใบนี้มันถูกสร้างขึ้นมาในปี 1973 จากในโรงรถและห้องนอนของบ้านหลังหนึ่งบนเกาะอังกฤษ ด้วยฝีมือการตัดเย็บของช่างฝีมือ 2 สามีภรรยา Martin และ Ros Billingham ซึ่ง ณ ขณะนั้นพวกเขาทั้งคู่มีโต๊ะตัดเย็บกระเป๋าแค่เพียง 1 ตัว การตัดเย็บกระเป๋าทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่ถูก Craft ขึ้นมาจากมือ, มีด และกรรไกรทั้งสิ้น และเพราะต้นทุนน้อยทุกย่างก้าวของ Billingham จึงเป็นไปอย่างใจเย็นและระมัดระวัง ในที่สุดความประณีตความพิถีพิถันเหล่านี้ก็กลายมาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของ Billingham ตลอดมาที่จะต้องตัดเย็บกระเป๋าทุกใบด้วยมือเท่านั้น
และเช่นเดียวกับทุกตำนานอันยิ่งใหญ่ที่มักจะมีจุดเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ในช่วงแรกของธุรกิจ รายได้จากการตัดกระเป๋าของ Martin และ Ros Billingham ยังไม่สามารถหวังอะไรได้มากนัก นั่นทำให้เพื่อที่จะเติมเต็มความฝันของคนทั้งคู่ พวกเขาต้องทำงานอื่นเพื่อจะได้ใช้เงินลงทุนและเวลาว่างที่เหลือในการตัดเย็บกระเป๋า และเนื่องจากในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่กีฬาตกปลากลางแจ้งเป็นที่นิยมมากในอังกฤษ กระเป๋า Billingham ใบแรกจึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นกระเป๋าตกปลาโดยเฉพาะ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้กันนิดนึง Martin และ Ros Billingham นั้น แต่เดิมแล้วทั้งคู่เป็นคนที่ชอบการถ่ายภาพมาก ๆ ก่อนที่จะแต่งงานกัน Ros Billingham เคยทำงานอยู่ในสตูดิโอถ่ายภาพ ส่วน Martin Billingham เป็นช่างภาพสมัครเล่นในชมรมกล้องท้องถิ่น เรียกว่าความรักของทั้งคู่เริ่มต้นจากห้องมืดล้างฟิล์มเลยก็ว่าได้ และก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มต้นตัดกระเป๋าตกปลาขาย ทั้งคู่เคยคิดขึ้นมาอยู่แว้บหนึ่งว่าเราควรจะเป็นช่างภาพนะ แต่สุดท้ายก็ต้องพับโครงการกันไป แล้วเบนเข็มมาที่งานตัดเย็บกระเป๋าแทน เพราะน่าจะสามารถทำเงินได้ดีกว่า ตามตำรา “อย่าเอาความชอบมาเป็นอาชีพ” เป๊ะ ซึ่งธุรกิจตัดเย็บกระเป๋าตกปลาของ Billingham ก็เป็นไปได้อย่างราบรื่น
จวบจนกระทั่งถึงปี 1977 ที่ธุรกิจตัดเย็บกระเป๋าตกปลาเริ่มมีความมั่นคงและหวังผลได้มากขึ้น Martin และ Ros Billingham จึงขยายขนาดโรงงานตัดเย็บกระเป๋าขึ้นเพื่อเพิ่มกำลังในการผลิต
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลึก ๆ แล้วในใจของทั้งคู่ยังคงโหยหาการถ่ายภาพอยู่ จึงได้เผลอออกแบบกระเป๋าตกปลาขึ้นมาโดยอิงจากการใช้งานของช่างภาพโดยไม่รู้ตัว หรือจะเป็นเพราะความบังเอิญที่นักตกปลาและช่างภาพมีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน คือ การล้วงอุปกรณ์ต่าง ๆ จากกระเป๋าที่ห้อยอยู่ข้างเอวออกมาใช้งานอย่างทันท่วงที
แต่ด้วยดีไซน์ฟังก์ชันของกระเป๋า Billingham แบบนี้นั่นเอง จึงได้ทำให้ในมุมหนึ่งของมหานคร New York เริ่มมีช่างภาพบางคนนำกระเป๋าตกปลาใบนี้มาใช้งานแทนกระเป๋ากล้องแบบ Hard Cases กันอย่างจริงจัง
ก็อย่างที่คนเขาชอบพูดกันว่าในทุกยุคทุกสมัยมันจะต้องมีสักหนึ่งคน คนที่เป็นช่างฝีมือที่แท้จริง คนที่จะตั้งใจก้มหน้าก้มตาทำงานของตนอย่างทุ่มเทและเชื่อมั่น คนที่จะดำรงอยู่ในเงาหลังม่านอย่างเงียบงัน ไม่สนใจไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด มุ่งหวังตั้งใจเพียงผลิตงานฝีมือของตน
คนที่ในวันหนึ่งความทุ่มเทนั้นจะไปสะดุดตาใครสักคน และกลายเป็นตำนาน .... Billingham เป็นตัวอย่างที่ดีของคำพูดนั้น
Martin Billingham เล่าว่าเขาและภรรยา รู้สึกตกใจมากเมื่อพบว่าที่อเมริกากระเป๋าตกปลาของ Billingham ถูก Order เข้ามาเพื่อนำไปใช้เป็นกระเป๋ากล้อง และตอนนั้นเองที่ไอเดียเกี่ยวกับธุรกิจใหม่ของ Billingham ถูกจุดประกายขึ้นมา และช่วงเวลานับจากนี้ของ Billingham จะเป็นก้าวแรกในการเฉิดฉายของคนทำงานที่พูดน้อยแต่ทุ่มเททุกหยาดหยดของจิตวิญญาณลงไปบนทุกฝีเข็ม
ในที่สุดคนสองคนที่รักการถ่ายภาพก็ได้กลับมาทำอะไรที่มันเกี่ยวกับการถ่ายภาพเสียที แต่ทว่าช่วงแรกของการพยายามบุกตีตลาดกระเป๋ากล้อง Billingham ต้องพบกับความยากลำบาก เนื่องจากอยู่ในสถานะของม้าแข่งตัวใหม่ในลู่วิ่งที่เรียกว่าธุรกิจกระเป๋ากล้อง
Martin Billingham เล่าอย่างเปิดใจว่า ในสมัยที่เขาและ Ros Billingham เข้าเยี่ยมเยียนร้านกล้อง เพื่อสร้างพันธมิตรทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นร้านกล้องร้านไหน ม้าใหม่ไร้นาม Billingham ก็ไม่ได้รับความสนใจจากใครเลยสักคน
อาจจะเพราะว่ากระเป๋ากล้องในสมัยนั้นมีลักษณะเป็น Hard Cases ที่ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของอุปกรณ์เป็นหลัก การมาของกระเป๋ากล้อง Billingham ซึ่งเป็นกระเป๋าผ้าใบที่ถูกออกแบบมาเพื่อตากล้องจึงดูจะมาก่อนกาลเกินไปนิดนึง แต่ดูเหมือนคำว่าท้อถอยต่ออุปสรรคมันจะเป็นคำที่พระเจ้าลืมใส่เอาไว้ในพจนานุกรมของ Martin และ Ros Billingham ถ้าไม่มีร้านไหนกล้ารับไปขาย เราก็ขายมันเองทางไปรษณีย์เสียเลยสิ!
พวกเขาทั้งคู่กลับสู่กลยุทธ์เดิมเหมือนตอนที่เริ่มก่อตั้งโรงตัดเย็บกระเป๋าตกปลา Billingham ขึ้นมาใหม่ คือพยายามและอดทน ค่อย ๆ เติมเต็มแต่ละก้าวเดินอย่างมั่นคง รอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งโอกาสมาถึง และในปี 1980 ในที่สุดโอกาสนั้นก็มาในชื่อของ “งานนิทรรศการภาพถ่ายที่ Earl's Court Exhibition Centre” พวกเขาทั้งคู่กลับสู่กลยุทธ์เดิมเหมือนตอนที่เริ่มก่อตั้งโรงตัดเย็บกระเป๋าตกปลา Billingham ขึ้นมาใหม่ คือพยายามและอดทน ค่อย ๆ เติมเต็มแต่ละก้าวเดินอย่างมั่นคง รอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งโอกาสมาถึง และในปี 1980 ในที่สุดโอกาสนั้นก็มาในชื่อของ “งานนิทรรศการภาพถ่ายที่ Earl's Court Exhibition Centre”
การตัดสินใจนำกระเป๋ากล้อง Billingham System 1 ไปจัดแสดง ณ สถานที่แห่งความฝันซึ่งอัดแน่นด้วยช่างภาพและศิลปินมากมายเช่นนั้น ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างเหลือเชื่อ ในเมื่อไม่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางการค้า การเดินเข้าหากลุ่มคนที่น่าจะชื่นชอบและเข้าใจในตัวสินค้าโดยตรงมันดูจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องกว่า เพราะช่างภาพย่อมสัมผัสรับรู้ได้ถึงตัวตนของ Billingham ได้ดีที่สุด ก็มันเป็นกระเป๋าที่สร้างโดยช่างภาพเพื่อช่างภาพด้วยความเข้าใจในตัวช่างภาพนี่นา
งานศิลป์ทุกชิ้นมีที่วางของมัน .... คำนี้ดูจะเป็นสัจนิรันดร์ขึ้นมาทันที เพราะทุกสายตาของช่างภาพที่อยู่ในงานนิทรรศการภาพถ่ายที่ Earl's Court Exhibition Centre ต่างสาดแสงเทความสนใจให้กับกระเป๋ากล้อง Billingham System 1 ของสองสามีภรรยา Billingham เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Don McCullin, Terence Donovan, Lord Lichfield และ David Bailey
คือเรียกว่าเจ้าพ่อแห่งวงการถ่ายภาพในงานนิทรรศการภาพถ่ายที่ Earl's Court Exhibition Centre ต่างให้ความสนใจกระเป๋ากล้อง Billingham กันทุกคน โดยเฉพาะ Lord Lichfield และ David Bailey เพราะ Bailey ไปท้า Lord Lichfield ว่าถ้าวิดพื้นได้ตามจำนวนที่เขาต้องการ Bailey จะซื้อกระเป๋ากล้อง Billingham System 1 ให้กับ Lord Lichfield 1 ใบ แน่นอนว่า Bailey แพ้พนัน และเสีย Billingham ให้กับ Lord Lichfield ไป 1 ใบ
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว การมาของ Billingham System 2, 3 และ 4 ที่มีขนาดต่างกันแต่มาพร้อมฟังก์ชันใช้งานเพื่อตากล้องเหมือนกันจึงทยอยตามกันออกมา
และภายใต้แนวคิดที่ว่า “กระเป๋ากล้องมีแค่ 2 ใบในโลก คือ กระเป๋ากล้องใบที่ที่เล็กไป และ กระเป๋ากล้องใบที่ใหญ่ไป หาได้มีกระเป๋ากล้องที่สมบูรณ์แบบไม่ แต่มันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องออกแบบและคิดค้นหากระเป๋ากล้องที่ดีที่สุด” ทำให้กระเป๋ากล้อง Billingham ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์กับการใช้งาน และรูปลักษณ์ของกล้องที่เปลี่ยนไปตามวันเวลา
ณ ปัจจุบันนี้ก็นับได้กว่าครึ่งทศวรรษเข้าไปแล้ว ที่กระเป๋ากล้อง Billingham ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการกล้องและการถ่ายภาพ กลายเป็นของสำคัญที่นอกจากจะใช้ในการดูแลรักษากล้องและอุปกรณ์แล้ว ยังสามารถใช้เป็นเครื่องบ่งบอกไลฟ์สไตล์ของช่างภาพได้เป็นอย่างดี
เอาล่ะครับ ก็จบกันไปแล้วอีกบทความหนึ่ง แล้วบทความหน้าจะมาเล่าเรื่องอะไรให้อ่านก็ฝากคอยติดตามกันด้วยนะครับ ส่วนวันนี้ก็ขอลากันไปก่อน แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ
สนใจข้อมูลสินค้า เพิ่มเติมได้ที่ >> Billingham <<
ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้า สอบถามข้อมูล หรือ ติดตามข่าวสารหรือโปรโมชั่นใหม่ๆ ของทางเราได้ที่นี่
Website : https://www.bigcamera.co.th/
Facebook : https://www.facebook.com/BIGCAMERACLUB