Leitz สาระ องก์ที่ 3: Leica M-Series

Leitz สาระ องก์ที่ 3: Leica M-Series
16/09/24
133 view(s)
Leitz สาระ องก์ที่ 3: Leica M-Series

          สวัสดีครับ กลับมาเจอกันอีกแล้ว และวันนี้บทความ Leitz สาระของเราก็เดินทางกันมาถึงองก์ที่ 3 ซึ่งเรื่องราวที่จะเอามาเล่าให้อ่านกันในวันนี้จะเป็นเรื่องราวของ Leica M-Series หนึ่งในตระกูลกล้องระดับตำนานที่ได้รับการยกย่องกล่าวขานถึงเป็นอย่างมากในหมู่ตากล้องมืออาชีพและผู้ที่ชื่นชอบหลงใหลในกล้อง กล้องที่ถูกยกให้เป็น Iconic ของรสนิยมที่มีความประณีตในด้านการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นกล้องที่มีความแม่นยำในการผลิตและให้คุณภาพไฟล์ที่โดดเด่น เป็นตัวแทนของมรดกจากยุคบุกเบิกแห่งการถ่ายภาพที่ยังคงโลดแล่นอยู่แม้ในปัจจุบัน กล้องที่ไม่ใช่แค่กล่องเก็บแสงธรรมดา ๆ แต่มันยังเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงทั้งประวัติศาสตร์และศิลปศาสตร์เอาไว้ภายในกล่องเก็บแสงแห่งหนึ่งจุดแดงใบนี้อย่างลงตัว

 

ไปครับ เกริ่นนำเราพอกันแค่นี้เถอะ แล้วมาร่วมกันดำดิ่งไปกับอักษราที่คราคร่ำสู่จิตวิถีแห่ง Leica M-Series กันเลยดีกว่า

          ในอดีตที่ผ่านมากล้อง Leica เคยกลายเป็นต้นแบบในการทำซ้ำมากมายทั้งในฝั่งตะวันตก หรือแม้แต่ฝั่งตะวันออกเองก็ตาม ยิ่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงด้วยความปราชัยของฝ่ายอักษะ สิทธิบัตรมากมายของนักประดิษฐ์ในเยอรมนีที่ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรยึดไปใช้ ก็ยิ่งทำให้กล้อง Leica ถูกทำซ้ำหนักเข้าไปอีก ณ ช่วงเวลานี้เอง ที่ Leica ตัดสินใจฉีกหนีจากความสำเร็จเดิมที่ถูกทำซ้ำไปทั่วจนยับเยิน ด้วยการท้าทายความเป็นไปได้ครั้งใหม่ การพัฒนากล้อง Leica M-Series ... เริ่มจากการติดตั้ง Viewfinder เข้าไป เปลี่ยน Mount กล้องใหม่ให้เป็นแบบเดือย แล้วเข้าไปอยู่ในมือของช่างภาพชื่อดังมากมาย เพื่อบันทึกภาพประวัติศาสตร์เอาไว้นับไม่ถ้วน จนกลายเป็นตำนานของนักเลงกล้องที่ยังมีลมหายใจสืบต่อมาจนปัจจุบัน

 

          โดยจุดเริ่มต้นการเดินทางของ Leica M-Series เริ่มขึ้นในปี 1954 จากกล้องรุ่นแรก Leica M3 กล้องที่เปลี่ยนแปลงวงการถ่ายภาพด้วยการผสมผสานระบบ Rangefinder เข้ากับการออกแบบที่ใช้งานง่าย แข็งแกร่งทนทาน และสามารถตอบสนองการลั่นชัตเตอร์ได้แม้ในสถานการณ์สุดท้าทาย ซึ่งในปัจจุบันนี้หัวใจสำคัญอันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica M-Series ก็ยังคงถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นอย่างครบถ้วน โดยกล้อง Leica M-Series จะมีรุ่นกล้องที่โดดเด่นเป็นพิเศษดังต่อไปนี้ครับ

 

          Leica M3(1954) - กล้อง Leica M-Series รุ่นแรก ตัวแทนการท้าทายยุคสมัยและความเป็นไปได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่มาสู่วงการ ... ระบบ Rangefinder ที่ละเอียดและให้ภาพที่แม่นยำ ซึ่งต่อมากลายเป็น Iconic ของ Leica ที่เป็นทั้งความรักความหลงใหลที่ใฝ่ฝันถึงในหมู่นักสะสมและช่างภาพทั่วโลก

 

Leica M6(1984) - หนึ่งเดียวในกล้องฟิล์ม Rangefinder ของ Leica ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดใน Series และยังมีการผลิตอยู่ในปัจจุบัน มาพร้อมระบบวัดแสงในตัวที่สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อมอบประสบการณ์ในการถ่ายภาพที่ง่ายขึ้น กล้อง Rangefinder ที่เชื่อกันว่ามันคือพญามังกรแดงตัวสุดท้ายของเผ่าพันธุ์อันเกียงไกรที่ยังคงใช้ชัตเตอร์แบบ Mechanic กล้องฟิล์มที่จะไม่มีวันถูกกลบกลืนด้วยกระแสของกล้องดิจิทัลอย่างเด็ดขาด

 

Leica M9(2009) - กล้อง Digital Rangefinder ที่แม้จะไม่ใช่ตัวแรกสุดของ Leica M-Series แต่ก็เป็นหนึ่งในกล้องที่เป็นตัวแทนของการสอดผสานความคลาสสิคและนวัตกรรมอย่างลงตัว และเป็นที่ใฝ่ฝันของคนรัก Leica ทั่วโลก

 

และ Leica M11(2022) - กล้อง Digital Rangefinder รุ่นล่าสุดที่ยังคงโดดเด่นด้วยแนวคิดและความมุ่งมั่นในการสอดผสานคลาสสิคเข้ากับนวัตกรรม เพื่อมอบความดื่มด่ำของการลั่นชัตเตอร์ เพลิดเพลินไปกับการโฟกัสให้ลึกถึงตัวตน และสัมผัสประสบการณ์จากการเข้าถึงแก่นแท้ของการถ่ายภาพอย่างลึกซึ้ง

          ซึ่งถ้าหากเราลองสังเกตุไล่เรียงกันดูดี ๆ จะพบว่ากล้อง Leica M-Series เป็นกล้องที่มีความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันกับนักถ่ายภาพสาย Street Photography และ Documentary อย่างยากจะแยกออกจากกันเลยทีเดียวล่ะครับ เรียกว่าช่างภาพสายนี้เอาแค่คนที่มีชื่อเสียงดัง ๆ ก็มีหลายคนเลยทีเดียวที่มีกล้องคู่ใจเป็น Leica M-Series

ที่เป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ากล้อง Leica M-Series มี “เสียง” ของชัตเตอร์ที่นุ่มและเบามาก ลองจินตนาการกันดูว่ากล้องตัวเล็ก ๆ ที่คล้องอยู่บนคอเรา มีหน้าตารูปลักษณ์ที่ไม่เตะตาสามารถกลมกลืนกันไปอย่างแนบเนียน และมันมาพร้อมเสียงชัตเตอร์ที่เบามากจนแทบจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าเราได้ลั่นชัตเตอร์ออกไปแล้ว สำหรับนักเลงกล้องสาย Street Photography และ Documentary แล้ว Leica M-Series คือกล้องในอุดมคติเลยทีเดียวล่ะครับ เพราะเราจะสามารถยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพได้แบบสบาย ๆ และคนที่ถูกถ่ายภาพก็ไม่เกร็งและไม่รู้สึกโดนคุกคามเหมือนตอนที่เราใช้งานกล้องตัวใหญ่

เมื่อรวมเข้ากับระบบ Rangefinder ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของกล้องในตระกูล Leica M-Series แล้ว กล่องเก็บแสงที่มาพร้อมสัญลักษณ์หนึ่งจุดแดงนี้ ก็ยิ่งสร้างประสบการณ์ในการถ่ายภาพที่ไม่เหมือนใครเข้าไปอีก คือแทนที่เราจะมองเห็นผ่านช่องมองภาพที่ถูกสะท้อนจากเลนส์ Leica M-Series จะเปลี่ยนมาเป็นการใช้ Rangefinder เล็งผ่านช่องมองแบบ Parallax ที่มีภาพสองภาพเหลื่อมซ้อนกันอยู่ และแค่เพียงเราหมุนวงแหวนโฟกัส จนภาพสองภาพนี้มันซ้อนกันพอดี เพียงเท่านี้ก็แสดงว่าเราโฟกัสได้ถูกต้องแล้ว เป็นเสน่ห์ที่มีเพียงกล้องในตระกูล Leica M-Series เท่านั้นที่สามารถมอบให้ได้

          ในปัจจุบันนี้กล้องในตระกูล Leica M-Series ไม่เพียงเป็นตำนานที่ยังมีลมหาย แต่ยังมีการผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องมากมายหลากหลาย Edition มีทั้งรุ่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพขาวดำโดยเฉพาะเท่านั้น และรุ่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ในการใช้งานที่หาใครเหมือนไม่ได้จากในยุคกล้องดิจิทัล ไปจนถึงรุ่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเก็บสะสม โดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 4 กลุ่ม

          Leica M: กล้องรุ่นมาตรฐานที่มีจุดเด่นในด้านความครบเครื่อง และความยืดหยุ่นในการใช้งานที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย บนพื้นฐานการควบคุมสุดคลาสสิคแบบกล้องอนาล็อก (Analog) รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง และมีจอหลังมาให้ใช้ แต่จะไม่มีฟีเจอร์เฉพาะเจาะจงเท่ากับกล้อง Leica M-Series ใน Edition อื่น ๆ

 

          Leica M: กล้องรุ่นมาตรฐานที่มีจุดเด่นในด้านความครบเครื่อง และความยืดหยุ่นในการใช้งานที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย บนพื้นฐานการควบคุมสุดคลาสสิคแบบกล้องอนาล็อก (Analog) รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง และมีจอหลังมาให้ใช้ แต่จะไม่มีฟีเจอร์เฉพาะเจาะจงเท่ากับกล้อง Leica M-Series ใน Edition อื่น ๆ

 

          Leica M-P: เป็นกล้อง Leica M ในเวอร์ชันพิเศษที่มีฟีเจอร์เพิ่มเติมจากกล้อง Leica M-Series รุ่นมาตรฐาน โดยเน้นไปที่ความแข็งแกร่งทนทาน และการใช้งานแบบมืออาชีพ มีบอดี้ดีไซน์ที่แตกต่างออกไปจากกล้อง Leica M-Series รุ่นมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด โดยโลโก้จุดแดงของ Leica ที่ด้านหน้าบอดี้จะถูกเอาออกไป แล้วสลักคำว่า Leica ไว้ที่ Top Plate ด้านบนแทน มีหน้าจอแสดงผลที่ทนต่อรอยขีดข่วน และมีขนาด Buffer ที่ใหญ่ขึ้นเพื่อการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ดีกว่า

 

          Leica M Monochrom: รุ่นนี้ก็ตามชื่อเลยครับ มันคือกล้อง Leica M ในเวอร์ชันพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพแบบขาวดำโดยเฉพาะ (Black and White) เท่านั้น เนื่องจากไม่มีฟิลเตอร์สี (Bayer Filter) บนเซ็นเซอร์ ซึ่งมันทำให้กล้อง Leica M Monochrom สามารถเก็บรายละเอียดและความคมชัด รวมถึงให้คอนทราสต์ที่จัดจ้านของภาพได้สูงกว่าเมื่อเทียบกับกล้องดิจิทัลแบบสีทั่วไป นอกจากนี้มันยังสามารถจัดการกับสัญญาณรบกวนได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ว่าเราจะใช้ค่าความไวแสง (ISO) สูงก็ตาม ซึ่งตรงจุดนี้ก็เลยทำให้มีคนเรียกขานแซวกันขำ ๆ ว่า Leica M Monochrom เป็นอัศวินแห่งรัตติกาลไปด้วย

Leica M-D: นี่คือกล้อง Digital Rangefinder for Photography Purists เป็นตัวแทนของประตูสู่แก่นแท้แห่งการถ่ายภาพ See! Focus! Concentrate! Shoot! กล้อง Leica ที่จะพาคุณดื่มด่ำไปกับการลั่นชัตเตอร์โดยไร้ซึ่งสิ่งรบกวนสมาธิ ผ่านสัมผัสของการใช้งานที่ดำดิ่งกลับไปสู่จุดตั้งต้นของการถ่ายภาพ ตัดจอหลังทิ้งไปแล้วมาโฟกัสให้ลึกถึงตัวตน มันคือกล้องที่ใกล้เคียงกับนิยามของกล้องอันสมบูรณ์แบบอย่างถึงขีดสุด ทำหน้าที่ของกล้องได้อย่างหมดจด แล้วปล่อยทุกอย่างให้เราควบคุม

เอาล่ะครับ มาถึงตรงนี้ก็ได้เวลาที่เราจะต้องปิดม่านอำลากันไปก่อน หวังว่าบทความนี้จะทำให้คนรัก Leica แบบเรา ๆ เข้าใจในกล้อง Leica M-Series มากขึ้น ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความรักและหลงไหลในการถ่ายภาพของพวกเรา จะเป็นเหมือน Leica M-Series กล้องอมตะที่ไม่มีทีท่าว่ามันจะหายไปจากโลกของการถ่ายภาพเลย และกลับกันยิ่งนับวัน Leica Spirit ก็มีแต่จะยิ่งลุกโชนแม้ในขณะท่ามกลางพายุแห่งนวัตกรรมกล้องในปัจจุบันที่แข่งขันกันอย่างดุดันก็ตาม

สำหรับคนที่สนใจอยากสัมผัสกับ Leica Spirit ที่ BIG Camera Leica Authorized Dealer เรามีกล้อง Leica M-Series และเลนส์ Leica M-Mount เตรียมไว้รอคุณอยู่นะ ถ้าคุณเป็นอีกคนที่รักและหลงใหลใน Leica เราอยากชวนคุณมาสนุกกัน

 

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่   https://www.bigcamera.co.th

 

#BIGCamera ศูนย์รวมกล้องดิจิตอลที่มีความสุขให้เลือกมากที่สุด

     #โฟกัส..ให้ลึกถึงตัวตน เริ่มต้นที่ Big Camera

บทความ ก่อนหน้านี้:
บทความ ถัดไป:

หมวดหมู่สินค้า